ปัจจุบันหลอดแสงสว่าง LED เป็นที่นิยมและยอมรับกันอย่างกว้างขวาง เพราะจุดเด่นหลอด LED ให้ความสว่างที่เท่ากันหรือมากกว่าหลอดแบบฟลูออเรสเซนต์ และยังใช้กำลังไฟน้อยกว่า ปลอดภัยกว่า แม้แต่ในอุตสาหกรรมผลิตตู้แช่สินค้า ผู้ผลิตหลายรายก็ได้หันมาเลือกใช้หลอด LED กันมากขึ้น บทความนี้เราเลยสรุปออกมาเป็น 6 เหตุผล ที่ควรเปลี่ยนมาใช้หลอด LED ภายในตู้แช่สินค้า ก่อนอื่นเลยเราไปทำความรู้จักหลอดแสงสว่างแต่ละประเภทกันก่อนครับ เราจะแบ่งเป็นหลอดแสงสว่างแบบฟลูออเรสเซนต์ และแบบ LED
หลอดแสงสว่างแบบฟลูออเรสเซนต์ คืออะไร ?
หลอดแสงสว่างแบบฟลูออเรสเซนต์หรือที่เรามักจะติดปากเรียกกันว่า หลอดนีออน เป็นอุปกรณ์ให้แสงสว่าง ลักษณะเป็นหลอดแก้วรูปทรงกระบอก เป็นหลอดตรงหรือโค้งเป็นรูปอื่น ๆ เปล่งแสงออกมาจากสารฟลูออเรสเซนต์ที่เคลือบอยู่บนผิวภายในหลอด เนื่องจากถูกกระตุ้น โดยรังสีอุลตราไวโอเลตไปกระทบกับสารเรืองแสงที่เคลือบไว้ที่ด้านในของหลอด ทำให้เปล่งแสงสว่างออกมาได้
หลอดแสงสว่างแบบ LED คืออะไร ?
หลอดแบบ LED คือ ไดโอดเปล่งแสง มีส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ที่แปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าเป็นแสงโดยตรงผ่านการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนภายในวัสดุของไดโอด มีคลื่นความถึ่เดียวและเฟสต่อเนื่องกันและเปล่งแสงได้เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหลอด LED มีจุดเด่นหลายอย่าง คือ ใช้พลังงานต่ำแต่ได้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่สูงมาก ไม่มีแสง UV ไม่กระพริบขณะเปล่งแสง การเปิด – ปิดหลอดไฟ LED สามารถเปิด – ปิด ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เสียเวลารอนาน เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่น ๆ และยังช่วยประหยัดเงินค่าไฟฟ้าตั้งแต่ 15-75%
6 เหตุผลที่ควรเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟแบบ LED ในตู้แช่สินค้า
- ค่าพลังงาน การใช้พลังงานของหลอด LED ประมาณ 65% ของการใช้พลังงานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ ซึ่งจะส่งผลให้การเลือกใช้หลอด LED ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์
- รังสีความร้อน หลอด LED มีรังสีความร้อนที่แฝงในหลอดระดับต่ำกว่าหลอดหลอดฟลูออเรสเซนต์มาก ซึ่งจะส่งผลให้อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจากหลอดไฟน้อยลง ทำให้เครื่องทำความเย็นไม่ต้องทำงานหนัก
- อายุการใช้งาน หลอด LED ใช้งานได้ยาวนานกว่าหลอดหลอดฟลูออเรสเซนต์เกือบ 5 – 6 เท่า เพราะหลอดฟลูออเรสเซนต์จะสามารถให้แสงสว่างอยู่ประมาณ 10,000 ชั่วโมง แต่สำหรับหลอด LED สามารถทำงานได้ยาวนานถึง 60,000 ชั่วโมง
- อุปกรณ์เสริม หลอด LED ไม่ต้องใช้บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แตกต่างกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ต้องรอการอุ่นของไส้หลอดร้อนและใช้แรงดันไฟฟ้าสูงในการจุดหลอดให้ติด
- รังสี UV หลอด LED ไม่มีการปล่อยรังสี UV ซึ่งทำลายดวงตา และผิวพรรณ แต่ในทางกลับกันหลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดแก้วสุญญากาศที่ใส่ไอปรอทไว้ เมื่อผ่านกระแสไฟจะทำให้ไอปรอทปล่อยพลังงานในรูป รังสียูวี ความยาวคลื่น 254 นาโนเมตรไปกระทบสารเรืองแสงที่ฉาบภายในหลอด สารเรืองแสงจะดูดซับ รังสียูวี แล้วเปล่งแสงในความยาวคลื่นที่ตามองเห็นแทน
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลอด LED เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าและทำลายได้ง่ายกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์ เนื่องจากหลอดฟลูออเรสเซนต์มีปรอทสูงถึง 5 mg ซึ่งเป็นสารพิษที่อยู่ในประเภทความอันตรายอันดับหนึ่งห้ามโยนทิ้งลงในช่องเก็บขยะทั่วไป
ตารางเปรียบเทียบระหว่างหลอดฟลูออเรสเซนต์กับหลอด LED
| รายละเอียด | หลอดฟลูออเรสเซนต์ | หลอด LED |
|---|---|---|
| การรับประกัน | ไม่มี | <5 ปี |
| อายุการใช้งาน | เฉลี่ย 12,000 ชั่วโมง | มากกว่า 50,000 ชั่วโมง |
| การล่อแมลง | มี | ไม่มี |
| ความร้อน | 40-50 C | 24-30 C |
| รังสี UV | มี | ไม่มี |
| สารปรอท | มี | ไม่มี |
| อัตราการใช้พลังงาน | 46W | 20W |
| เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม | ไม่ใช่ | ใช่ |
| การจำกัดหลังหมดอายุการใช้งาน | ยาก | ง่าย |
| ความปลอดภัย | มากกว่า (โดยเฉพาะ DC) |
สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม ติดต่อเราได้ ที่นี่ หรือ โทร 02-446-5656 ต่อ 3114, 3138
