บทความ

น้ำมันคอมเพรสเซอร์ 5 ประเภทที่ช่างเทคนิคควรรู้

น้ำมันคอมเพรสเซอร์ ในงานระบบปรับอากาศหรือระบบทำความเย็น ทำหน้าที่ หล่อลื่นชิ้นส่วนในคอมเพรสเซอร์ เพิ่มกำลังอัด และระบายความร้อนให้กับคอมเพรสเซอร์ ทำให้น้ำมันคอมเพรสเซอร์มีส่วนประกอบสำคัญในการทำงานของคอมเพรสเซอร์

5 เหตุผล ที่ต้องใช้กล้องถ่ายภาพความร้อน กับงาน HVAC/R

ถ้าคุณทำงานในด้านระบบปรับอากาศหรือระบบทำความเย็น และจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่ง่ายต่อการค้นพบปัญหา ให้ภาพที่ชัดเจน ที่จะสามารถอธิบายปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างชัดเจนว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น และคุณสามารถแก้ไขมันได้นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมคุณต้องใช้ กล้องถ่ายภาพความร้อน วันนี้เราเลยนำตัวอย่างเหตุการณ์จริง ที่กล้องถ่ายภาพความร้อน มาช่วยตรวจสอบปัญหาหน้างานได้ครับ 1. กล้องถ่ายภาพความร้อน FLIR สามารถตรวจสอบได้ว่าในระบบคอยล์ร้อนที่ติดตั้งมีปัญหา สารทำความเย็นมีค่าต่ำผิดปรกติ หรือแม้แต่เกิดการรั่วไหล 2. กล้องถ่ายภาพความร้อน FLIR สามารถตรวจสอบปัญหาของท่อได้ว่ามีการรั่วหรือมีการเสื่อมของฉนวนของท่อ ซึ่งจะส่งผลให้ระบบ HVAC/R สูญเสียประสิทธิภาพ และเพิ่มค่าใช้จ่ายมากยึ่งขึ้น 3. ปัญหาทางด้านไฟฟ้า ถ้าใช้วิธีตรวจสอบด้วยวิธีการทั่วไปอาจจะใช้เวลานานมากแต่กล้องถ่ายภาพความร้อนจะสามารถทำให้คุณเห็นแผงวงจรที่เกิดการฟิวส์ขาดและมีการต่อวงจรไฟฟ้าที่ไม่ดี 4. กล้องถ่ายภาพความร้อน สามารถแสดงลักษณะการแผ่ความร้อนทำให้แสดงตำแหน่งที่เกิดปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้คุณประหยัดเวลาให้การซ่อมแซม 5. กล้องถ่ายภาพความร้อนสามารถตรวจจับอุณหภูมิในคอยล์ได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้สามารถตรวจสอบระบบได้ว่าระบบทำงานถูกต้องตามที่กำหนดหรือไม่ กล้องถ่ายภาพความร้อน ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อีกมากมาย หากสนใจรายละเอียด กล้องถ่ายภาพความร้อน FLIR สามารถติดต่อเราได้ที่นี้ 02-446-5656 ต่อ 3210

ความชื้น กับยา สำคัญไหม?

การเก็บรักษายาที่ห้องยาของโรงพยาบาลนั้นต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากยามีหลากหลายรายการ หากเก็บไม่ถูกต้องจะทำให้ยาเสื่อมคุณภาพ และอาจทำให้หยิบยาผิด ผู้ป่วยเกิดอันตรายจากการได้รับยาที่ไม่ถูกต้อง สภาวะในการเก็บรักษายาจะถูกระบุไว้ที่ฉลากยา อย่างไรก็ตาม การเก็บยาตามสภาวะการจัดเก็บยาที่ดีไม่ได้ยืนยันว่ายาจะมีความคงตัวตลอดไป เพราะจะต้องดูวันหมดอายุของยาด้วย ในกรณีที่ไม่ระบุสภาวะในการเก็บ ควรเก็บในสภาวะที่ป้องกันความชื้น ที่อุณหภูมิไม่เกิน 30o C และไม่แช่แข็ง ระบบปรับอากาศของคลัง ควรมีการควบคุมอุณหภูมิ มีตู้เย็นพร้อมเทอร์โมมิเตอร์ประจำตู้ มีบันทึกการตรวจสอบอุณหภูมิของตู้เย็นอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน ขอขอบคุณข้อมูลจาก  รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ. ชะอรสิน สุขศรีวงศ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สนใจสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook: Sangchai Group Line: https://lin.ee/5XmBNx8 หรือ โทร 02-446-5656 ต่อ 3210

อินฟราเรด คืออะไร

กล้องส่องความร้อน และแสงอินฟราเรด โดยปกติวิสัยทัศน์ของเราจะคุ้นเคยกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งพลังงานความร้อนมีความยาวคลื่นมากกว่าแสงที่มองเห็น ความจริงแล้วตามนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้เช่นเดียวกับที่เราไม่สามารถมองเห็นคลื่นวิทยุได้ ด้วยการถ่ายภาพความร้อนส่วนหนึ่งของสเปกตรัมที่เรารับรู้จะขยายตัวได้มากช่วยให้เรา “เห็น” และ “วัด” พลังงานความร้อนที่ปล่อยออกมาจากวัตถุ ในโลกอินฟราเรดทุกอย่างที่มีอุณหภูมิสูง หรือต่ำกว่าศูนย์จะปล่อยรังสีอินฟราเรด สามารถมองเห็นได้ดีในที่มีแสงสว่างและมืดมาก คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อุณหภูมิของวัตถุสูงขึ้นรังสีอินฟราเรดจะปล่อยออกมามากขึ้น อินฟราเรดช่วยให้เราสามารถมองเห็นสิ่งที่ตาเราไม่สามารถมองได้ กล้องถ่ายภาพความร้อนแบบอินฟราเรดแสดงภาพรังสีอินฟราเรดหรือรังสี “ความร้อน” ที่มองไม่เห็นและให้ความสามารถในการวัดอุณหภูมิที่แม่นยำ ทำให้กล้องอินฟราเรดมีประสิทธิภาพมา ด้านอุตสาหกรรมพยายามที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพกล้องอินฟราเรดเพิ่อเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง กล้อง IR ทำงานอย่างไร? การตรวจจับพลังงานอินฟราเรด กล้องอินฟราเรดเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องสัมผัสกับวัตถุ สามารถตรวจจับพลังงานอินฟราเรด (ความร้อน) และแปลงเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่ประมวลผลแล้วแสดงภาพความร้อนหรือวิดีโอสามารถคำนวณอุณหภูมิได้ ความร้อนที่ตรวจพบโดยกล้องอินฟราเรดสามารถวัดได้อย่างแม่นยำหรือวัดได้ซึ่งช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้อย่างแม่นยำ แต่ยังสามารถระบุและประเมินความรุนแรงของปัญหาความร้อนที่สัมพันธ์กันได้ นวัตกรรมอินฟราเรดล่าสุด นวัตกรรมใหม่ล่าสุดโดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องตรวจจับภาพในตัวการทำงานอัตโนมัติ การพัฒนาซอฟต์แวร์อินฟราเรดทำให้แก้ปัญหาการวิเคราะห์ความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคย สนใจสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook: Sangchai Group Line: https://lin.ee/5XmBNx8 หรือ โทร 02-446-5656 ต่อ 3210

ทำไมต้องใช้ แอมโมเนีย?

แอมโมเนียถูกนำมาใช้ครั้งแรกในอุตสาหกรรมทำความเย็น ปี 1876 ด้วยเครื่องอัดไอระเหย โดย Carl Von Linde ในสมัยก่อน CFC (Chlorofluorocarbons) ถือเป็นสารเคมีที่ไม่เป็นอันตราย และมีความเสถียรภาพมาก ด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่สามารถวิจัยได้ในสมัยนั้น CFC จึงได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักมาก เลยทำให้คนไม่ค่อยรู้จักแอมโมเนีย แต่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และตู้แช่อาหาร ในปี 1980 เริ่มมีผลกระทบที่เป็นอันตรายของสารทำความเย็น CFC ทำลายชั้นโอโซน และภาวะโลกร้อน จึงส่งผลให้พิธีสารมอนทรีออล (1989) เกือบทุกประเทศลงนามเพื่อควบคุม, ยับยั้ง, และรณรงค์ให้ลดการผลิตและการใช้ CFC เช่นเดียวกับสาร HCFC หลายประเทศในยุโรปได้หยุดใช้สารทำความเย็นของ HCFC จึงทำให้แอมโมเนียได้รับความไว้ใจ เพราะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด สนใจสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook: Sangchai Group Line: https://lin.ee/5XmBNx8 หรือ โทร 02-446-5656 ต่อ 3210

1 5 6 7